อย่าปฏิบัติธรรมด้วยกิเลศ
การปฏิบัติธรรมต้องอย่าหลอกตัวเอง ต้องซื่อสัตย์ต่อตนเอง ต้องรู้ตัวเอง ว่าสิ่งที่เรากำลังปฏิบัติอยู่นี้ ปฏิบัติด้วยกิเลศหรือเปล่า หากปฏิบัติด้วยกิเลศ มันย่อมไม่ได้ผล
ลองคิดดูให้ลึกๆเถอะ การปฏิบัติธรรมสมัยนี้ แฝงไว้ด้วยกิเลศเป็นส่วนมาก สังเกตได้ง่ายๆ เช่นเราจะนั่งสมาธิก็มีความต้องการจะได้นั่นได้นี่แฝงอยู่ นี่คือกิเลศที่ซ่อนอยู่โดยไม่รู้ตัว จะดูกายดูจิตก็มักเป็นไปเพื่อจะได้นั่นได้นี่ อีกเช่นกัน การปฏิบัติเพื่อจะได้ จะรู้ จะเห็น จะเป็น ล้วนเป็นการปฏิบัติที่เจือด้วยกิเลศทั้งนั้น ถ้าคิดปฏิบัติเพื่อต้องการได้สิ่งไร มันจะไม่ได้สิ่งนั้น ที่ได้แน่ๆคือกิเลศตัวเป้งๆ
แต่ถ้าการปฏิบัติธรรมนั้นเป็นไปเพื่อเห็นแจ้งในไตรลักษณ์ จะไม่มีกิเลศแฝงอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว ลองใช้ปัญญาพินิจพิจารณาใคร่ครวญดู จะเห็นชัด การทำไว้ในใจว่ากายว่าจิตมันไม่เที่ยง การทำไว้ในใจว่ากายว่าจิตมันเป็นสิ่งเป็นทุกข์ การทำไว้ในใจว่ากายว่าจิตมันเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน มันไม่มีกิเลศแฝงอยู่เลย แม้สักเท่าเส้นขน ยิ่งพิจารณายิ่งไม่มีกิเลศ
ต่างกับการปฏิบัติแบบอื่นๆ แม้อานาปานสติ ก็ยังมีกิเลศแฝงอยู่ในระหว่างปฏิบัติ แต่ถ้าเจริญอานาปานสติแบบพระพุทธเจ้า คือจบลงด้วยไตรลักษณ์ในฐานทั้งสี่จึงจะไม่เจือด้วยกิเลศ
การดูจิตดูอสุภะ หรือดูอะไรก็ตาม ถ้าดูเพราะต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ย่อมเป็นการปฏิบัติที่เจือด้วยกิเลศทั้งนั้น การปฏิบัติธรรมที่ไม่เจือด้วยกิเลศมีอย่างเดียวคือการปฏิบัติ นั้นเป็นไปเพื่อรู้ความจริงในกฏไตรลักษณ์ อันเป็นกฏของความเป็นจริงแห่งผืนธรรมชาติ
การปฏิบัติที่ไม่ได้ผลและหลงทางอยู่ในปัจจุบันนี้เพราะ ลืมนึกถึงความจริงในข้อนี้ คือข้อที่ว่าเรามีกิเลศแฝงอยู่ในทุกๆขณะที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งมีวิธีปฏิบัติแบบเดียว ที่ปฏิบัติอย่างไรก็ไม่เจือด้วยกิเลศ คือพิจารณาไตรลักษณ์เท่านั้น เพราะไตรลักษณ์เป็นทางสายตรง ทางสายเอก ทางสายเดียว ที่ก่อนปฏิบัติก็ไม่มีกิเลศ ขณะปฏิบัติก็ไม่มีกิเลศ ปฏิบัติไปแล้วก็มีแต่หมดกิเลศ
การปฏิบัติธรรมที่แท้จึงเป็นการค้นหาความจริงของสิ่งทั้งปวง และเราจะพบความจริงของสิ่งทั้งปวงได้ก็มีวิธีเดียวเท่านั้นคือ พิจารณา ไตรลักษณ์ คือการทำไว้ในใจว่า สิ่งปรุงแต่งทั้งหลาย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน และเป็นการปฏิบัติแบบเดียวเท่านั้นที่ตลอดการปฏิบัติไม่เจือด้วยกิเลศเลย มีแต่จะทำให้หมดกิเลศอย่างเดียว
ขอความเห็นแจ้งในทางจงมีแก่ทุกๆท่านทุกๆคนเทอญ
เจริญธรรม
สะมะสุโขภิกขุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น